Lost Day วันที่หายไปของรอย - Lost Day วันที่หายไปของรอย นิยาย Lost Day วันที่หายไปของรอย : Dek-D.com - Writer

    Lost Day วันที่หายไปของรอย

    เรื่องราวของเด็กหนุ่มกับหนึ่งวันที่ไม่ได้อยู่บนโลกของเขา

    ผู้เข้าชมรวม

    500

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    500

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  4 ส.ค. 57 / 20:28 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    เข้าร่วมกิจกรรม เดือนมิถุนายน - กรกฎาคม 2557

    Imagination
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                     
                      ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ใด แม้แต่ตัวเขาเอง มันเป็นวันที่เขาได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และมันถูกลืมเลือนไปจนเริ่มจางหาย แม้แต่เสียงของเธอคนนั้น...

       

                      เขามีชื่อว่า รอย เป็นเด็กหนุ่มอายุ 17 ปี กำลังอยู่ชั้นม.ปลายปี 2 มีความสามารถด้านกีฬาโดดเด่น กีฬาที่ชอบเป็นกีฬาศิลปะต่อสู้ทั้งหมด แต่ก็ยกเว้นมวยสากลและมวยไทย

                      รอยเป็นเพียงแค่คนธรรมดาทั้งที่เป็นแบบนี้แต่โชคชะตาคนธรรมดาของเขาก็ต้องหายไป...

                      ในตอนนี้เขากำลังเดินกลับบ้านเหมือนอย่างปกติ ไม่มีอะไรแปลกใหม่เลยแม้แต่น้อย กลับเย็นเพราะติดซ้อมชมรมของโรงเรียน

                      “ชะ...ช่วยด้วย...ใครก็ได้ช่วยด้วย”

                      เสียงใสของเด็กสาวคนหนึ่งดังก้องในบริเวณนั้น ทำให้รอยต้องชะงักฝีเท้าและมองหาต้นเสียงอย่างสงสัย มีใครอยู่แถวนี้กัน? แต่จะมีคนอยู่แถวนี้ก็ไม่น่าแปลก แต่เสียงนั้นกำลังขอความช่วยเหลืออยู่

                      พอมองหาไปได้สักพักสายตาของเขาก็ไปสะดุดที่หนึ่ง เด็กสาวเดินโซเซออกมาจากหัวมุมเลี้ยวของทางเดิน เธอแต่งตัวแปลกประหลาดในมือมีดาบที่คอยประคองร่างที่บาดเจ็บเอาไว้อยู่

                      รอยที่เห็นอย่างนั้นก็ตกใจ เกิดมาเขาไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิต ถึงจะแต่งตัวแปลกแต่หากบาดเจ็บคนอย่างเขาไม่อาจทนดูได้ จึงรีบเข้าไปช่วย...

                      “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”

                      รอยเข้าไปช่วยเธอ  พยุงร่างเธอไว้ เขาคิดว่าจะพาไปโรงพยาบาลแต่ว่านี่ก็ถึงหน้าบ้านของเขาแล้ว คงต้องรักษาเบื้องต้นก่อนแล้วค่อยโทรเรียกรถพยาบาล

                      หลังจากที่เขาได้รักษาเธอนิดหน่อย เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือตนขึ้นมากดเบอร์เรียกรถพยาบาล แต่ว่าเขาก็ต้องชะงักเมื่อเด็กสาวพูดขึ้นมาว่า

                      “เจ้าเป็นใครกัน? และนี่มันอะไรกัน”

                      เธอลุกขึ้นนั่งมองผ้าพันแผลที่เขาได้ทำไว้ให้เธอ เธอมองมันนิดหน่อยก่อนจะแกะมันออก

                      “นี่อย่าเพิ่งแกะออกสิ เธอเป็นแผลอยู่นะ พันไว้ดีกว่า แผลหายแล้วค่อยเอาออก”

                      เขาได้ไปจับข้อมือของเธอห้ามไม่ให้แกะ เด็กสาวก็ทำตามอย่างเขาว่า ไม่สนใจผ้าพันแผลที่พันตามตัวเป็นบางจุด ถึงจะบอกว่าตามตัว แต่เขาก็ไม่ได้เช็คที่ลำตัวของเธอเลยแม้แต่น้อย ผู้ชายที่ไหนเขาจะกล้าทอดเสื้อผู้หญิงที่ไม่รู้จัก... นอกจากผู้ชายคนนั้นจะเป็นหมอล่ะมั้งนะ

                      “แล้วเจ้าเป็นใครกัน? ทำไมถึงช่วยข้าเอาไว้ล่ะ? แล้วที่นี่ที่ไหนกัน?”

                      “ฉันมีชื่อว่า รอย เป็นนักเรียนโรงเรียนมัธยม K แล้วทำไมถึงช่วยนั้นก็เพราะว่าฉันไม่ได้เป็นคนไร้หัวใจเห็นคนบาดเจ็บแล้วไม่ยอมช่วยหากช่วยได้หรอกนะ และก็ที่นี่ก็บ้านฉันเอง”

                      “ฉันชื่อ อีวา ว่าแต่ว่าเจ้าก็แต่งตัวประหลาด แถมที่นี่ก็ประหลาดอีกด้วย”

                      เขาที่ได้ยินอย่างนั้นก็พลางคิดว่า เธอมากกว่าที่ประหลาดยิ่ง สงสัยว่าเธอคนนี้คงจะเพี้ยนจริงๆ การแต่งกายของเธออย่างกับแต่งคอสเพลย์แนวแฟนตาซีเลย แถมยังเอาดาบจริงมาแบบนี้มันจะไม่เป็นไรเหรอ? เขาเหลือบไปมองดาบที่โต๊ะซึ่งเขาเป็นคนเอาไปวางไว้เอง

                      จู่ๆหญิงสาวก็สะดุ้งตัวรีบลุกขึ้นจากโซฟามองหาอะไรบางอย่าง แต่คงไม่ต้องถามก็รู้ว่าเป็นดาบ เมื่อสายตาของเธอได้หันไปเจอ เธอก็รีบลุกขึ้นและเดินไปหยิบก่อนจะวิ่งออกไปทางหน้าบ้าน

                      “นี่!! เธอจะไปไหนกัน นี่!!

                      เขารีบวิ่งตามเธอออกไปหน้าบ้าน เธอมองไปรอบๆเหมือนกับหาอะไรบางอย่างแต่ว่าสีหน้าของเธอดูขึงขัง เธอชอบแสดงท่าทีประหลาดตลอดเลยไม่เห็นเข้าใจเธอเลยสักนิดเดียว

                      ในขณะที่เขากำลังจะถามอะไรกับเธอแต่ก็ต้องชะงัก ความเจ็บปวดจากกลางอกแล่นไปทั่วร่างของเขาเอง

                      รอยก้มลงมองถึงสาเหตุของความเจ็บปวด และสิ่งที่เขาเห็นคือ เหล็กของดาบที่ได้ทะลุจากข้างหลังออกมา เขาเบิกตากว้าง ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว... เขาไม่ร้องอะไรออกมาเลยมาแม้แต่น้อย... ทั้งที่เจ็บปวดเกินคำบรรยายขนาดนี้

                      เด็กสาวหันกลับมามองที่รอย เบิกตากว้างมองไปยังคนที่อยู่ข้างหลังของเขา ชายหนุ่มที่คลี่ยิ้มเย็นให้หญิงสาวก่อนจะดึงดาบออกจากร่างของรอย...

                      สะบัดดาบตน เลือดของรอยกระเด็นเปื้อนพื้น ร่างของรอยทรุดลงนั่งล้มลงนอนไปเลือดไหลนองจากอก ชายหนุ่มคนนั้นค่อยๆเดินเข้าไปเด็กสาว ไม่มีคำพูดใดต้องพูดอีก

                      อีวาตั้งท่าดาบก่อนเข้าจู่โจมไม่รอให้อีกฝ่ายชิงจู่โจมก่อน ชายหนุ่มก็หลบหลีกดาบของเด็กสาวคนนั้นอย่างสบายๆ ไม่ดูทุกข์ร้อนอะไร และจนชายหนุ่มคนนั้นก็พลาดเปิดช่องโหว่ให้อีวาเห็น เธอใช้โอกาสนี้เปลี่ยนกระบวนท่า ดาบนั้นใกล้ถึงร่างของชายหนุ่ม

                      “ตายซะ!!!

                      แต่ชายหนุ่มก็หายไปจากตรงนั้นไปยืนอยู่ข้างๆร่างของรอยที่ไม่รู้ว่าตอนนี้กลายเป็นศพรึยัง

                      “จนกว่าจิตใจของเธอที่โดนคำสาปของข้ากัดกินไปจนหมด ถึงตอนนั้นเธอก็จะเป็นของข้าอย่างสมบูรณ์ อีวา ฮ่าๆๆ”

                      อีวาตะลึงกับคำพูดของชายหนุ่มคนนั้น ก็รู้อยู่หรอกว่าเหมือนมีบางอย่างจะเข้าแทนที่เธอ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องนี้ นี่เธอจะต้องลืมไปอย่างนั้น... ชายผู้เป็นที่รักของเธอ... เธอไม่อยากลืมไปหรอกนะ!

                      ชายหนุ่มก็ต้องหยุดหัวเราะเมื่อรู้สึกได้ว่าเหมือนมีอะไรมาจับที่ข้อขาของเขา รอยใช้แรงเท่าที่มีจับข้อขาของชายหนุ่ม แต่ว่าไม่รู้เพราะอะไรกัน พอจับไปร่างของรอยเริ่มเปล่งแสงสว่าง จนแสงนั้นปกคลุมร่างของรอยจนหมด และสว่างวาบ จนอีวาและชายหนุ่มต้องหลบเบือนหน้าหนีเพราะแสงที่ทำให้แสบตา

                     

      เขาตายแล้ว? แต่ว่าเขาก็ได้กลิ่นหอมอะไรบางอย่าง เสียงสายลมที่พัดและเสียงของสายน้ำที่ไหลผ่านไปตามทางของลำธาร

      รอยลืมตาตื่นขึ้นก็เห็นท้องฟ้าสีครามที่มีเมฆปุยลอยอยู่ เขาจำได้ว่าน่าจะเป็นเวลาตอนห้าโมงเย็นครึ่ง ท้องฟ้าก็ต้องใกล้มืดแล้วสิ...

      เขาลุกขึ้นนั่งพรวดพราดมองไปรอบๆทันที ป่า ลำธารน้ำ ปลากระโดด? ที่นี่มันที่ไหนกัน!? หรือว่าเขากำลังฝัน คงเป็นแบบนั้นเขาจะมาอยู่ในที่แปลกๆแบบนี้ได้ไงกันในเมื่อเขา...

      “ตื่นซะทีนะ โชคดีจริงๆที่นายไม่ตาย”

      ในขณะที่เขากำลังฟุ้งซ่านคิดหาเหตุผลกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เข้ามาจากด้านหลังแล้วพูดอย่างนั้น ทำให้รอยต้องสะดุ้งตัวหันกลับไปมอง... ชายหนุ่มคนนี้ใครกัน? รอยมองๆก็นึกไม่ออกแต่ก็ดูคุ้นๆ

      “นาย...เป็นใครกัน?”

                      “ฉันเองอีวาไงล่ะ”

                      “!!

                      เขาได้แต่ตะลึงเบิกตากว้างไม่เชื่อสายตาตนว่าเด็กสาวคนนั้นจะกลายเป็นผู้ชายรูปหล่อไปเสียแล้วเหรอ? แต่มองดูดีๆก็มีรูปโครงหน้าที่ไม่ได้ต่างไปอยู่บ้างเลย ถ้าไม่บอกว่าเป็นอีวา คงคิดว่าเป็นญาติไปแล้วล่ะมั้งนะ

                      “ความจริงแล้วฉันเป็นผู้หญิง แต่เพราะถูกชอนสาปให้กลายเป็นผู้ชาย เพราะเจ้านั่นคิดว่าไม่มีใครชอบผู้ชายด้วยกันเด็ดขาด”

                      อีวาพูดอย่างหงุดหงิดและดูเจ็บใจพลางนึกไปในตอนที่เขาได้โดนชายหนุ่มที่ชื่อ ชอน นั่นสาปไว้

                      “อีวาข้ารักเจ้าแต่งงานกับข้าเถอะ ไม่ว่าจะอะไร ข้าก็จะทำให้เจ้ามีความสุข”

                      “ขอโทษนะ ตอนนี้ข้ามีชายอื่นได้ครองข้าแล้ว และข้าก็ไม่คิดจะแต่งงานกับเจ้าด้วย ไปไกลๆเลยไป”

                      “ไม่!! ไม่จริงหรอก ไม่มีใครได้ครองเจ้าในตอนนี้ เจ้าต้องแต่งงานกับข้า!!

                      “ชอนอย่าขวางนะ ฉันมีซ้อมดาบกับท่านอาจารย์ ไม่ว่างมานั่งตอบปฏิเสธเจ้า จนเจ้าต้องยอมเลิกหรอกนะ”

                      อีวาปล่อยให้ชอนมองดูหลังของเธอด้วยสายตาที่โกรธเคือง... ถ้าเขาไม่ได้ครองเธอก็ยังหวังว่าใครจะได้ครองไปเลย ชอนกำมือนั่น เขาเองก็รู้อยู่แล้วโอกาสที่จะเป็นแบบนี้มีสูง ในเมื่อเธออยากซ้อมจนแกร่งเหมือนชาย เขาก็จะทำให้เธอสมปรารถนาเอง

                      “อีวา!! ถ้าเธออยากแข็งแกร่งเป็นชายล่ะก็ข้าจะทำให้เจ้าเป็นอย่างนั้นเอง!!

                      อีวาชะงักฝีเท้าหันกลับมาดูชอนแต่ว่าสิ่งที่เห็นเมื่อหันไปคือชอนที่ได้มายืนอยู่ใกล้เธอไม่ห่างไกล จ้องมองด้วยสายตาเยือกเย็นอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน

                      แต่ว่าหลังจากนั้นเธอก็จำไม่ค่อยได้ แต่ว่าพอตื่นขึ้นมาตัวเธอก็กลายเป็นชายแล้ว และนั่นทำให้ชายที่เธอครองรักกันอยู่ต้องเลิกราไป ทำให้ใจของเธอต้องแตกสลาย และอย่างนั้นทำให้เธอแค้นชอนที่ทำให้เธอต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ การแก้คำสาปมีเพียงแค่ต้องฆ่าคนที่สาปเท่านั้น...

                      “ยกโทษให้ไม่ได้ ไม่ว่าจะยังไง ข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้ชอน...”

                      อีวาตามล่าชอนอย่างไม่ลดละ เธอไม่ยกโทษให้เด็ดขาดไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ไม่ว่าอยู่แห่งใดก็จะตามไปปลิดชีพเอาจงได้!

                      เธอใช้เวลาตามหาจนในที่สุดก็ได้เจอตัวชอนและรู้ถึงจุดประสงค์จริงๆของชอน ถึงฟังแล้วรู้สึกว่าชอนนั้นต้องเป็นโรคจิตแน่นอน ด้วยคำพูดที่ว่า

                      “ไม่ว่าเธอจะเป็นหญิงหรือชาย ข้าก็จะรักเจ้าเพียงเท่านั้น อีวา เห็นไหมว่าข้ารักเจ้าขนาดไหน ในขณะที่ชายคนนั้นทิ้งเจ้าเพราะเป็นผู้ชาย”

                      “เป็นใครก็รับไม่ได้หรอกนะที่จะรักเพศเดียวกัน!!

                      “แต่ข้าไม่ใช่... ขอแค่เป็นอีวา ไม่เกี่ยงเรื่องเพศเลยสักนิดเดียว”

                      “แกมันโรคจิต!!!

                      “อิอิ ฉันขอบอกไว้ก่อนนะ อีวาที่รัก ไม่ใช่เพียงแค่ฆ่าข้าแล้วคำสาปจะหายหรอกนะ ฮ่าๆๆ!!

                      หลังจากนั้นชอนก็หนีไป เธอก็ต้องตามหาอีกแต่ก็ไม่รู้จะไปตามที่ไหน และสงสัยในคำพูดของชอน จึงเดินทางกลับไปหาอาจารย์ตน

      ในตอนแรกที่เธอได้พูดคุยกับอาจารย์ ก็ไม่เชื่อว่าเป็นลูกศิษย์สุดรักของเจ้าตัว แต่พอดูดีๆก็หน้าตาคล้ายอยู่ แถมยังตอบคำถามได้หมดเกี่ยวกับตัวของอาจารย์เอง จึงรู้สึกดีใจและอธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่ชอนพูดเท่าที่ตนนั้นรู้

                      “การแก้คำสาปไม่ใช่เพียงแค่ฆ่าคนที่สาปอย่างเดียวเท่านั้น แต่ต้องทำลายองค์ประกอบบางอย่างของการที่ทำให้คำสาปสัมฤทธิ์ผลด้วย และนั่นคือสิ่งที่เจ้าต้องหาด้วยตัวเจ้าเองนะ อีวา”

                       แปลว่าไม่ได้เพียงแค่สังหารชอนแต่ต้องทำลายของบางสิ่งที่ทำให้ตัวเธอเป็นแบบนี้ เธอเองก็ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร จนได้ไปที่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นเขตหวงห้ามของโลกนั้นเลย เพราะเธอคิดว่าที่นั่นต้องมีองค์ประกอบที่ชอนใช้

                      แต่พอมาถึงเขตหวงห้าม ชอนก็ปรากฏตัวและเข้าขัดขวางไม่เธอเข้าไป สู้จนเธอบาดเจ็บหนัก ไม่รู้ทำไมชอนถึงได้เก่งขนาดนั้นทั้งที่แต่ก่อนอ่อนแอแท้ๆ แต่เธอก็หลุดหนีเข้าไปเขตหวงห้ามได้ จนไปโผล่ที่ไหนก็ไม่รู้...

       

                      “เรื่องก็เป็นแบบนี้ล่ะ ข้าเองก็จนปัญญา ข้าอยากกลับเป็นหญิงที่แข็งแกร่งดุจชาย หาใช่อยากเป็นชายแบบนี้ ข้าอยากให้เขากลับมารักข้าอีกครั้ง ไม่ว่ายังไงก็ต้องเป็นหญิงให้ได้...!

                      รอยที่ฟังเรื่องที่อีวาเล่าก็รู้สึกสงสารอ๊ะนะ แต่จะให้เขาทำอะไรได้ เขาไม่เก่งดาบ แต่หากเป็นศิลปะการต่อสู้ก็ว่าไปอย่างล่ะนะ แต่คงไม่ได้ใช้ที่นี่แน่ ก็ในเมื่อทุกคนสู้กันด้วยดาบทั่วทั้งโลกนี้?

                      แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาฟังแล้วก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อความคิดที่ว่าที่นี่ไม่ใช่โลกของเขาแต่เป็น โลกต่างมิติ และที่สงสัยที่สุดคือเขาถูกแทงทะลุกลางอกแต่ก็ยังรอดมาได้ แถมเขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเขาไปจับข้อขาของชอนอย่างที่อีวาพูดตอนไหน และแผลที่ถูกแทงก็ไม่เห็นมีเลยสักนิด

                      “แล้วจะเอาไงต่อดีล่ะ ฉันคงไม่ใช่คนของโลกนี่หรอกนะ...”

                      รอยพูดอย่างเหนื่อยอ่อนรู้สึกว่าตนเหมือนจะเริ่มบ้าอย่างบอกไม่ถูก อีวาเองก็ไม่รู้จะทำยังไงกับเขา และเขาก็เป็นผู้ที่มีพระคุณช่วยเธอไว้ด้วย

      ตึกตัก! จู่ๆหัวใจของอีวาก็เต้นขึ้นมา เมื่อนึกถึงหน้าของรอยในตอนที่ลืมตาตื่น นี่เธอคิดอะไรอยู่เนี่ย? คนที่รักกำลังรอให้เธอกลับไปเป็นผู้หญิงและอยู่ด้วยกันนะ... แต่ว่าจะเป็นแบบนั้นรึเปล่านะ?

      ไม่มีทางเลือกอะไรอีกแล้ว อีวาตัดสินใจพารอยไปหาอาจารย์ของเธอ ในความโชคร้ายก็ยังมีโชคดีจริงๆล่ะนะ อีวาบาดเจ็บ รอยเองก็ดูจะลุกเดินไม่ค่อยได้เพราะถึงแผลไม่มีแล้วแต่รู้สึกเจ็บอย่างบอกไม่ถูก แต่ที่ๆทั้งสองอยู่ในตอนนี้คือป่าอีวารู้จัก เป็นป่าที่อาจารย์ของเธออยู่

      เธอออกตามหาอาจารย์จนเจอและพามาที่ลำธาร และเล่าเรื่องให้ฟัง อาจารย์หนุ่มที่ฟังก็ตกใจมองรอยและถอนหายใจเมื่อมองอีวา

      “คนที่มาต่างโลกถือว่าเป็นผู้มาเยือนที่จะนำมาซึ่งหายนะ แต่ว่าก็จะนำความโชคดีก็ได้เช่นกัน แล้วเจ้าเป็นแบบไหนกันล่ะ พ่อหนุ่ม”

      “ถ้าเลือกได้ผมคงขอเป็นผู้นำพาโชคดีกว่านะ”

      ผู้เป็นอาจารย์ก็ลากอีวาไปคุยอะไรบางอย่างเกี่ยวกับชอน อาจารย์คอยช่วยอีวาสืบหาของบางสิ่งบางอย่างที่ชอนใช้ จนในที่สุดก็รู้เมื่อตะกี้นี้เอง

      “ของนั้นคือคริสตัลผลึกเงินที่อยู่ในถ้ำภายในป่าแห่งนี้ล่ะ แต่ว่าการทำลายนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยต้องใช้พลังบางอย่างทำลายมันไปพร้อมกับชอนด้วย”

      “แล้วพลังนั้นคืออะไรกันล่ะเจ้าค่ะ ท่านอาจารย์”

      จะว่ายังไงดี ถึงจะเป็นลูกศิษย์ที่รู้นะว่าเป็นผู้หญิงแต่มาเจอคำว่า เจ้าค่ะโดยผู้ชายพูดมันก็ไม่ชินเสียที ผู้เป็นอาจารย์ชี้ไปยังรอยที่นั่งอยู่ตรงเดิมเหม่อมองท้องฟ้าอยู่อย่างนั้น

      “ข้าจะฝึกเจ้าหนุ่มนั่นให้แกร่งยิ่งขึ้น จนสามารถทำลายคริสตัลผนึกของชอนได้”

      ผู้เป็นอาจารย์หนุ่มไม่รอช้าพูดจบก็เดินเข้าไปหารอยและกระชากให้ยืนขึ้น แต่เพราะแบบนั้นเลยทำให้รอยถึงกับร้องอย่างเจ็บปวดทันที

      “ทำอะไรน่ะ มันเจ็บนะ!

      “ดูท่าสิ่งที่เจ้าเลือกคงเป็นอย่างนั้นแล้วล่ะนะ เตรียมใจไว้ซะข้าจะฝึกเจ้า...”

      “ฝะ...ฝึก? ฝึกอะไร? แล้วจะทำไปทำไม?”

      “เจ้าอยากช่วยอีวาไหม? ถ้าอยากช่วยก็จงฝึกสิ่งที่ข้าจะสอนต่อไปนี้ซะ! เพราะว่ามีเพียงแค่เจ้าเท่านั้นที่จะช่วยได้”

      รอยถึงจะโดนกระชากคอเสื้ออยู่แต่ก็หันไปมองอีวาที่ทำหน้าตาเศร้า และหากคิดว่าตนเป็นกลายเป็นหญิงและมีคนๆหนึ่งที่สามารถช่วยได้แต่ไม่ยอมช่วย เขาคงรู้สึกเสียใจทั้งที่รู้วิธีที่จะทำให้กลับไปเป็นเพศเดิมแล้ว แต่ไม่อาจจะทำมันได้

      สายตาของรอยดูขึงขังขึ้น เขาจับมือที่อาจารย์คนนั้นจับอยู่และดึงออก

      “ฉันจะช่วยอีวาไม่ว่าจะยังไงก็ตาม!!

      หลังจากนั้น รอยแทบอยากจะขอเลิกทันทีเลย การฝึกคือทำยังก็ทำให้หินแตก และเขาก็ทำมันได้ด้วยวิชาศิลปะป้องกันตัวอย่างคาราเต้ แต่ว่า...

      “ไม่ได้!! ไม่ได้!! ไม่ได้เรื่อง!!

                      เขาลองหลายท่าแล้วนะไม่ว่าจะผ่าหรือทุบจนแตกก็ไม่ผ่าน แบบนี้ก็ไม่ได้ แบบนั้นก็ไม่ได้ แล้วจะให้เขาทำไงล่ะ โฮ~~  เขาน้ำตาไหลอาบแก้ม ไม่รู้จะทำไงต่อไปดี จนอาจารย์ที่มองเขาอยู่ต้องถอนหายใจอย่างเหลืออด

      “เป็นผู้ชายห้ามหลั่งน้ำตาให้สาวเห็นนะ!!

      สาวที่ไหนกัน!? ถ้าให้พูดตรงๆ ที่นี่มีแต่ผู้ชายตั้ง 3 คน ถึงจะมีใจหญิง 1 ก็เถอะ แต่ว่าตอนฝึกก็ได้รู้อะไรเกี่ยวกับโลกนี้เยอะเลยเพราะเจ้าอาจารย์นั่นพูดพล่ามเกี่ยวกับโลกนี้แทนการเรื่องฝึกเกือบทั้งหมด

      โลกนี้ทุกคนสามารถสาปแช่งคนอื่นได้ แต่คำสาปจะหายไปเมื่อตายไป และจะมีคำสาปที่ยังคงอยู่หากใช้ของบางอย่างเป็นสื่อกลางแต่มันทำยากเลยไม่ค่อยมีคนทำได้ แล้วก็โลกนี้ใจแคบเรื่องเพศมาก โลกนี้ไม่สนเพศเดียวกันเลยแม้แต่น้อย นอกจากคนที่โรคจิตไม่ก็บ้าเท่านั้นที่จะสนเพศเดียวกัน

      ดูท่าโลกนี้จะใจแคบไม่ยอมรักร่วมเพศ จะว่ายังไงดี รอยนั้นมีเพื่อนชายที่คบกับผู้ชายด้วยกัน และชอบเอามาเล่าให้เขาฟังจนชิน และเขาไม่ขอออกความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเขาคิดว่าขอแฟนเป็นผู้หญิงดีกว่า...

      “ข้ามีธุระนิดหน่อยเจ้าฝึกไปเรื่อยๆล่ะ กลับมาหวังว่าเจ้าจะทำได้อย่างที่ข้าต้องการ”

      แล้วไอ้ที่ว่าต้องการเนี่ยมันอะไรกัน? เขายังไม่รู้เลยนะ แค่บอกให้ทำลายหินให้แตกเท่านั้นนี่ แล้วพอทำได้ก็บอกว่าไม่ใช่อีก

      “พักหน่อยดีกว่านะรอย เจ้าฝึกมาเกือบ 2 ชั่วโมงแล้ว ตอนนี้ก็ใกล้จะเย็นแล้วล่ะนะ”

      “อีวารู้ได้ไงว่าผ่านไปเท่าไรแล้วใกล้เย็นน่ะ”

      เธอไม่ตอบชี้ไปที่ดวงอาทิตย์ รอยก็ยังหรี่ตาไปมองพระอาทิตย์อีก ขอเตือนเลยว่าห้ามมองพระอาทิตย์ตาเปล่าอาจทำให้สายตาเสียได้

      เพราะหน้าของรอยที่แสดงว่าไม่ค่อยเข้าใจ ทำให้อีวาต้องอธิบาย

      “ก็ดูตำแหน่งของพระอาทิตย์ ก็รู้แล้วล่ะ เรื่องนั้นช่างเถอะเจ้ามาพักเถอะ อาจารย์ไม่อยู่คือสวรรค์เลยล่ะนะ”

      พูดอย่างนี้แสดงว่ายามที่อาจารย์เธอไม่อยู่สอน เธอก็จะอู้ซ้อมอย่างนั้นล่ะ ตอนแรกรอยคิดว่าเธอจะเป็นพวกฝึกหนักให้ตนแกร่งเสียอีก

      ทั้งสองก็นั่งใต้ต้นไม้รับลมเย็นๆ รอยเองก็รู้สึกผ่อนคลายจริงๆ ตอนฝึกก็ฝึกกลางแดดร้อนสุดๆ ได้มาพักแบบนี้ก็ไม่เลวเลย จนอยากจะงีบหลับไปเลย

      “นี่รอย ข้าทำให้เจ้าเดือดร้อนรึเปล่า?”

      รอยหันไปมองหน้าของอีวาที่จ้องมองรอยเช่นกัน แต่พอเธอถูกจ้องใจก็เต้นขึ้นมาทำให้เธอหน้าแดงจนต้องหลบหน้าหนี รอยเองก็งงไม่ค่อยเข้าใจกับปฏิกิริยาของเธอเท่าไร

      “ไม่หรอก ฉันเคยบอกนะว่าฉันไม่ได้เป็นคนไร้หัวใจเห็นคนเดือดร้อนแล้วไม่ยอมช่วยหากช่วยได้หรอกนะ”

      อีวาหัวเราะนิดหน่อยและยิ้มไม่หยุด ทำให้รอยต้องหันไปดูเธอ แต่ว่าทั้งที่เธอเป็นผู้ชายแต่เขากับเห็นเธอในตอนที่เป็นผู้หญิงนั้นช่างน่ารักในยามที่เธอยิ้มแบบนี้เสียเหลือเกิน

      “เมื่อก่อนนายเคยบอกว่าฉันไม่ได้เป็นคนไร้หัวใจเห็นคนบาดเจ็บแล้วไม่ยอมช่วยหากช่วยได้หรอกนะ รู้สึกว่าบาดเจ็บกับเดือดร้อนเนี่ยจะต่างนิดหน่อยนะ อิอิ”

      “มันก็ไม่ได้ต่างอะไรหรอกน่า เอาเป็นว่าหากช่วยได้ฉันก็จะช่วยก็เท่านั้นล่ะ”

      รอยหน้าแดงเสมองไปทางอื่นและพูด อีวาที่เห็นใบหน้าที่แดงของรอยก็อดหน้าแดงตามไม่ได้ เธอแอบหวังนิดหน่อยเสียแล้วสิ... เขาจะรักเธอได้ไหม?

      สีหน้าของอีวาก็ดูเศร้าลง เธอตัดสินใจที่จะเล่าเรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจอยู่ในตอนนี้ให้รอยฟัง เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะหายใจออกมาและหันไปทางรอยที่มองท้องฟ้าอยู่... เขาจะมองและเหม่อคิดอะไรอยู่กันนะ?

      “นี่รอยฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษานิดหน่อย..”

       

      “กลับมาแล้ว ฝึกไปถึงไหน...แล้ว”

      อาจารย์ที่เดินมาหลังจากทำธุระของเขาเสร็จก็กลับมา แต่สิ่งที่ควรเห็นน่าจะเป็นภาพที่รอยกำลังฝึกทำลายหิน แต่กลายเป็นภาพรอยนั่งพิงใต้ต้นไม้แล้วหลับและยังมีอีวานอนหนุนตักอีก

      เส้นบางอย่างของอาจารย์กระตุกขึ้น และตะโกนปลุกทั้งสองคน ด้วยเสียงของเขาทำให้ทั้งสองสะดุ้งหัวใจหยุดเต้นไปจังหวะหนึ่งเลยก็ว่า...

      และจากนั้นก็โดนเทศน์ยาวกันไปเลย... จบเทศน์ก็ฝึกปฏิบัติ? ฝึกต่อ รอยตั้งมั่นรวบรวมจิตไว้ที่ส่วนจะต้องทำลายหิน

      เขารวบรวมจิตไปที่ฝ่ามือ เขาหลับตาลงรวมจิตเข้าไปอีก ในขณะที่เขาไม่รู้ตัว แสงสว่างก็ครอบคลุมที่ฝ่ามือของเขา ทั้งสองคนที่เฝ้ามองก็ตกตะลึง ไม่อยากเชื่อสายตา

      “พลังแห่ง Imagine พลังที่สามารถทำลายและสร้างทุกสิ่งตามที่ใจปรารถนาอย่างแรงกล้า ไม่น่าเชื่อว่าเจ้านั่นจะดึงพลังออกมาได้เพียงแค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้น”

      “รอย...”

      อาจารย์พูดขึ้นมาแทนที่จะคิดในใจ อีวารู้สึกหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็รู้สึกเป็นห่วงรอยจนต้องเอ่ยชื่อของเขาเพื่อลดความเป็นห่วงที่เริ่มอัดแน่นเต็มอกนี้ลง

      และรอยนั้นก็ลืมตาเอามือฟาดลงไปผ่าหินจนแตกละเอียดเป็นผุยผง รอยเองที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็แหกปากถามไปเรื่อย ไม่มีใครสนคำถามที่พ่นออกมาจากปากของรอยเลยแม้แต่น้อย

      “พอๆ เลิกแหกปากสักที นายผ่านแล้ว พยายามฝึกเข้าล่ะ แล้วช่วยอีวาทีละกัน”

      ตอนนี้พระอาทิตย์ก็ใกล้ตกดินแล้ว… การฝึกของเขาก็เริ่มทำให้ควบคุมได้แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าแค่ 4 ชั่วโมง รอยพัฒนาได้เร็วเกินคาดเลย

      จนตกดึก อาจารย์ขอไปทำธุระนิดหน่อยอีกจึงจากไป ปล่อยรอยและอีวาอยู่กันสองต่อสองท่ามกลางความมืดที่มีเพียงกองไฟเท่านั้น

      “รอย ตามข้ามา ข้ามีที่หนึ่งจะพาเจ้าไป”

      เขาก็ไม่ได้คัดค้านอะไร ตามเธอไป ถึงอยากจะถามว่าจะไปที่ไหนแต่ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เองเขาคิดแบบนั้น จึงไม่ถามออกไปและตามไปอย่างเงียบๆ

      จนมาหยุดออยู่ที่หนึ่งซึ่งมีลำธารน้ำเล็ก ที่นี่ให้ความรู้สึกว่าชื้นอย่างชัดเจน อีวาเดินไปหยุดอยู่หน้าทุ่งต้นหญ้าสูงเพียงแค่หัวเข่าของอีวา

      “นี่ รอย การที่เจ้าใช้พลังนั้นได้เป็นเพราะฉันเล่าเรื่องนั้นออกไปรึเปล่า”

      “ก็คงจะใช่ ฉันอยากจะช่วยเธอ ก่อนที่จิตใจของเธอจะโดนกัดกินไปจนหมด ก็ฉันสัญญาแล้วนี่ว่าจะช่วยเธอ”

      “ขอบคุณนะ”

      อีวาหันหลังรอยแล้วพูดประโยคสุดท้ายออกมา เธอไม่ได้อยากยินแค่นี้ เธอปรารถนาได้ยินอย่างหนึ่งจากเขา และเธอคิดว่ามันคงเป็นไปไม่ได้หรอก ก็ในตอนนี้เธอเป็นผู้ชาย รอยก็เป็นผู้ชาย มันเป็นไปไม่ได้หรอก... แต่ก็แอบหวัง ในโลกนี้ผู้ชายที่ปกติเขาไม่มีทางสนใจผู้ชายหรอกถึงจะเคยเป็นผู้หญิงก็ตาม...

      รอยเดินเข้าจับมือของอีวาทำให้อีวาสะดุ้งหน้าแดงมองไปยังรอย ที่มันมืดจนไม่รู้ว่าใครแสดงสีหน้าอะไร รอยจูงมือของอีวาเดินเข้าไปในทุ่งหญ้านั้นและเมื่อเดินเข้าไปแสงสว่างมากมายก็เกิดขึ้น...

      หิ่งห้อยนับหมื่นนับแสน ณ ที่นี่เปล่งแสงสว่างและเริ่มลอยขึ้น เพราะแสงสว่างทำให้เขาเห็นอีวาหน้าแดงชัดเจน เขาจึงยิ้มและหน้าแดง หัวใจเต้นแรง ทั้งสองจ้องมองใบหน้าที่แดงระเรื่อของคนตรงหน้านี้

      “ฉันแค่อยากจะบอกว่าฉันรักเธอนะ อีวา”

      “แต่ว่าตอนนี้ข้าเป็นผู้ชะ...”

      ไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไป เขาประกบริมฝีปากตน เข้ากับอีวา สอดลิ้นแลกรสความหวานของกันและกัน หัวใจของทั้งสองมันเหมือนกับพองโตจนเปี่ยมไปด้วยสุข

      “ข้าก็รักเจ้ารอย...”

      และเมื่อทั้งสองถอนจูบ อีวาก็ได้สารภาพความในใจของตนออกไปที่ตอนนี้มันล้นจนเก็บไว้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้วแม้นี่จะยังไม่ถึงหนึ่งวันที่มาที่นี่ แต่ว่าก็รู้สึกเหมือนกับว่ามันช่างยาวนานเสียเหลือเกิน...

       

      ในเวลายามเที่ยง หลังจากที่รอยฝึกฝนพลังของตนจนเริ่มชำนาญมากขึ้นได้แล้วก็กินเวลาเข้าไป 6 ชั่วโมงหลังจากที่ตื่นขึ้นมา เมื่อคืนหลังจากทุ่งหญ้าหิ่งห้อยนั้นพอกลับมา ทั้งสองก็นอนกอดแลกความอบอุ่นของกันและกันจนถึงช่วงเวลาประมาณตี 5 ได้

      อีวาได้เดินออกจากที่ๆรอยฝึกไปที่ไหนสักแห่ง รอยที่ตั้งใจเอาแต่ฝึกก็ไม่ได้สังเกตถึงอีวาที่แปลกๆไป เดินไปที่ไหนสักแห่งราวกับตุ๊กตา

      ชอนที่ยืนอยู่หน้าถ้ำแห่งหนึ่งยิ้มเย็นเมื่อเห็นร่างของชายหนุ่มที่เขาปรารถนา แต่ว่าอีกนิดหน่อยก็จะกลายเป็นเด็กสาวเหมือนเดิม

      “คิดจะทำอะไร อีวา!!

      เสียงของใครบางคนทำให้ ชอนนั้นต้องชะงักฝีเท้าในขณะที่อีวาเดินเข้าไปในถ้ำ เสียงของคนนั้นทำให้ชอนไม่ค่อยสบอารมณ์เสียเลย ชอนจ้องมองไปที่รอยอย่างเยือกเย็น ในขณะที่รอยก็จ้องมองด้วยสายตาที่สงบนิ่ง

      “อีกไม่นาน อีวาก็จะเป็นเจ้าสาวของข้า ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่มีได้เธอไปนอกจากข้า”

      “แกมันเลวที่สุด คนเขาไม่รักก็คิดที่จะเอามาเป็นของตน”

      “แล้วมันยังไงล่ะ ถ้าให้เดาตอนนี้เจ้าเองก็คงรักอีวา ทั้งที่อีวาก็เป็นผู้ชาย แกมันเองก็ไม่ปกตินั่นล่ะ”

      “แล้วจะยังไง จะชายหรือหญิงไม่ว่าคนไหนก็คืออีวาที่ฉันรัก ไม่ว่าอีวาจะเป็นยังไงฉันก็จะรัก รักเธอเพียงคนเดียว!!

      ความอดทนของชอนหมดลงทันทีเมื่อรอยพูดจบประโยค ชอนดึงดาบออกมาตั้งท่าดาบ รอยเห็นอย่างนั้นก็ตั้งท่า จินตนาการ ทำลายดาบนั่นด้วยพลังที่บริสุทธิ์

      ชอนกระโดดถอยหลังเข้าถ้ำและยกยิ้มอย่างคนมีชัย รอยไม่เข้าใจว่ามันคิดจะทำอะไร แต่พอชอนยกดาบขึ้นเท่านั้น รอยก็รู้ทันทีว่าคิดจะทำอะไร

      “หยุดนะ!!!

      รอยวิ่งเพื่อจะเข้าถ้ำนั้นแต่ก็ไม่ทัน ชอนใช้เพลงดาบเวททำลายปากถ้ำจนหินถล่มปิดปากถ้ำไป อีวาจะต้องเป็นของเขา ไม่ใช่ของเจ้าคนต่างแดนอย่างรอย... ชอนเก็บดาบเข้าฟัก เดินเข้าไปในถ้ำที่มีอีวาเดินเข้าไปเพื่อจะรอเขาอยู่ที่คริสตัลผลึกแห่งสาบานนานแล้ว

      “รอก่อนนะอีวาไม่นานข้ากับเจ้าจะได้ครองรักกันไปตลอดกาล ชั่วนิรันดร...”

       

      “บัดซบ! บัดซบ! บัดซบ! บัดซบ!

      รอยทุบหินนั่นจะแตกละเอียดก้อนแล้วก้อนเล่าก็ยังไม่อาจเปิดปากถ้ำเพื่อเข้าไปได้ ถ้าเป็นแบบนี้เจ้านั่นก็จะได้อีวาไป อีวาที่ไร้หัวใจและจิตใจ... มีเพียงแค่ร่างกาย...

      ยิ่งคิดรอยยิ่งทุบทำลายหินพวกนั้นจนแตกละเอียด แต่เขาไม่ได้ทรงพลังมากจึงทำให้เหนื่อย ทั้งที่สัญญาว่าจะช่วยให้รอดพ้นจากคำสาปขืนเป็นแบบนี้ล่ะก็... เขาก็ไม่สามารถรักษาสัญญาได้น่ะสิ

      “ต้องการมากกว่านี้ พลังแห่งจินตนาการ ทำลายหินพวกนี้จนเปิดปากถ้ำ ต้องการมากกว่านี้...”

      พลังถูกรวบรวมไปไว้ที่เท้าของรอย เขาต้องทะลุผ่านเข้าไปให้ได้... เขากระโดดและใช้พลังแห่งจินตนาการให้พลังที่เท้าคล้ายสว่านเจาะลงไป

      ผลคือเขาทำสำเร็จเขาสามารถเจาะทะลุผ่านมาได้ พอเข้ามาเขาก็รีบวิ่งเข้าไปในถ้ำ เข้าไปในถ้ำที่ลึกที่สุดไม่สนว่าจะมีอะไร ขอให้ที ขอร้องล่ะ ได้โปรด...

      “อีวา!!!!

      เมื่อเขาวิ่งมาได้ไม่นานนักก็เข้ามาเจอคริสตัลขนาดใหญ่และตรงหน้าของคริสตัลมีชอนที่ประกบริมฝีปากกับอีวา ยกโทษให้ไม่ได้... จะฆ่า... จะฆ่า.. ไม่ว่าใครที่แย่งของสำคัญของเขาไป!

      เขารวบรวมพลังไว้ที่มีและสร้างมันขึ้นมาเป็นดาบและพุ่งเข้าโจมตีใส่ แต่ชอนก็ชักดาบมาป้องกันไว้ได้ทันอย่างรวดเร็ว

      ประกายไฟเกิดขึ้นทันทีเมื่อชอนรับดาบ และก็ฟาดฟันกันอย่างหำหั่นกัน ชอนก็ยกยิ้มเห็นช่องโหว่ของรอยเต็มไปหมด เด็กใหม่ที่ไม่เคยแม้แต่จับดาบอย่างหมอนี่ จะเอาชนะเขาด้วยดาบ ช่างน่าขัน

      ชอนสวนกลับเร่งไปที่ช่องว่าง ดาบของชอนควรที่จะฟันโดนรอย แต่ว่าดาบของใครบางคนรับดาบของชอนไว้และตวัดออกไป

      “อีวา!!

      รอยตะลึงหัวใจเต้นแรงอย่างดีใจ ในขณะที่ชอนเองก็เบิกตากว้างตกตะลึง เขาไม่อยากเชื่อว่าอีวาจะดิ้นรนหลุดพ้นคำสาปของเขาได้ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

      “รอยเรามาจบเรื่องนี้ด้วยกันเถอะ”

      อีวาตั้งท่าดาบ รอยพยักหน้าเปลี่ยนดาบให้เป็นแสงสว่างที่คลุมรอบมือ ทั้งสองตั้งท่า ถึงจะเป็นครั้งแรกแต่ใจของเขาก็สื่อถึงกัน พวกเขาราวกับรู้ว่าคนอีกคนจะทำอะไร

      รอยวิ่งเข้าไปหาชอนโดยใช้แสงนั่นจู่โจม ชอนก็หลบไม่คิดจะหลบแสงที่มีพลังทำลายเกินหยั่ง ช่องว่างที่ชอนเปิด อีวาใช้จุดนั้นเข้าจู่โจม จนทำให้ตั้งตัวไม่ทันจนโดนฟันไปแบบเฉียดๆ ชอนยังหลบได้ ทำไมถึงเก่งขนาดนี้กัน

      “ครั้งต่อไปจะต้องจบลง!

      ต้องมากกว่านี้ จินตนาการมากกว่านี้ แสงของที่มือของรอยเริ่มปกคลุมไปถึงแขนและยังมีที่เท้าอีก ชอนเริ่มรู้สึกว่าคงไม่ดีแน่ถ้าเป็นแบบนี้ ยิ่งสู้เขายิ่งตรึงมือมากขึ้นกับรอย แบบนี้ไม่สามารถป้องกันได้จากอีวาได้แน่...

      “มันจบแล้วล่ะ...”

      รอยเอ่ยขึ้นมาและหายไปจากตรงนั้น ทำให้ชอนตะลึงเริ่มมองหารอย แต่ว่านั่นคือช่องโหว่ของชอนที่อีวาจะเล่นงาน และเหมือนเดิมชอนรับดาบของอีวาได้ แต่ไม่อาจจะรับการโจมตีของรอยได้

      รอยใช้ท่าฟาดหางจระเข้ฟาดลำตัวของชอนจนกระเด็นลอยไปชนคริสตัลนั่นจนร้าว...และเริ่มพังทลายลง... มันจบแล้วล่ะ รอยหันไปมองอีวาที่เก็บดาบเรียบร้อยและมองมาที่รอยด้วยใบหน้าที่เหมือนกับจะร้องไห้

      แต่ว่าร่างกายของรอยเริ่มจางลง อีวาตะโกนเรียกรีบวิ่งเข้าไปหาเพื่อที่จะกอดแต่ว่า ร่างของเธอดันทะลุผ่านร่างของรอยไป มันช้าไปแล้วที่จะได้รับความอบอุ่นจากร่างของรอย น้ำตาไหลพรากอาบแก้มของอีวา

      “ฉันคงต้องหายไปอย่างนี้เหรอ ทั้งที่อยากเห็นเธอในร่างผู้หญิงอีกจริงๆ”

      “รอย...”

      “แต่ไม่ว่าจะหญิงหรือชายขอแค่เป็นอีวาฉันก็รัก”

      “รอย..อึก...”

      “ฉันรักเธอนะ อีวา จะรักเพียงคนเดียว จากนี้และตลอดไป”

      “รอย!!!

      ร่างของเขาจางหายไปเป็นละอองแสงและหายไปในอากาศนั้น ไม่นะเธออยากสัมผัสเขามากกว่านี้ อยากได้มากกว่านี้ แต่มันคงไม่มีโอกาสนั้นอีกต่อไป...

      อย่างแน่นอน...

       

      ในยามเย็นเขายืนอยู่หน้าบ้านมองซ้ายมองขวาที่นี่เป็นหน้าบ้านและทางเดินที่เขาใช้เดินไปโรงเรียนและบ้านเพื่อนและที่อื่นอีกมากมาย ว่าแต่ว่า....

      “ฉันมายืนบื่ออะไรที่นี่นะ”

      เขาพึมพำและเดินเข้าไป...

      ในภายหลังเขาก็ได้รู้ว่าเขาได้ทำให้ทุกคนเป็นห่วง บอกว่าเขาหายไปทั้งที่เขาก็จำไม่ได้ว่าหายไปไหนจำได้ว่ากลับมาที่บ้านและอยู่หน้าบ้านเพียงเท่านั้นก็ไม่ได้ไปไหนเลย...

      แต่ว่าเรื่องนี้ก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว มันกลายเป็นเรื่องที่ได้ถูกลืมเลือนไป แต่ว่าทำไมเขารู้สึกแปลกๆว่าเหมือนมันว่างเปล่าขนาดนี้นะ ทั้งที่ในตอนนี้เขากำลังเข้าหออยู่กับผู้หญิงที่เขารักหลังจากเข้าพิธีแต่งงานแล้วแท้ๆ

      รู้สึกเหมือนได้ทำเรื่องที่ผิดอย่างร้ายแรง ผิดคำสัญญาของใคร แต่มันนึกไม่ออก นึกไปก็ปวดหัวเปล่าๆ ในตอนนี้เขามีคนที่จะอยู่ข้างเขาไปตลอดชีวิตอยู่ข้างๆแล้ว

      เขาจะผิดสัญญากับใครก็ช่างมันสิ ในเมื่อเธอคนนี้จะสร้างครอบครัวของเขาขึ้นมา คอรบครัวที่แสนอบอุ่นและอ่อนโยน

      “ฉันรักเธอ ไอจัง...”

      มันเลือนลางเหลือเกิน ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราวกับว่าไม่เคยมีอยู่ เสียงของเธอก็ได้จางหายไปเป็นเสียงอึกทึกเหล่านั้น... อีวา...

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×